การลงทุนที่ใช่ กับสภาพเศรษฐกิจไทยในยุคนี้

เมษายน 2563

เศรษฐกิจไทยเวลานี้ ทุกคนเป็นกังวล ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดกระทบเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้โลกชะลอตัว ที่ผ่านมาประเทศไทยผ่านวิกฤติเศรษฐกิจมาหลายครั้ง เช่นวิกฤติการเงิน ต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 เกิดการประท้วงทางการเมืองหลายครั้ง แต่เราก็ฟื้นกลับคืนมาได้

บัญชา ชุมชัยเวทย์ บรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจ ฝากข้อคิดแก่นักลงทุนทั่วไปในช่วงเวลายากลำบากเช่นนี้ว่า “ผมให้ข้อคิดอย่างหนึ่งนะครับ เวลาเศรษฐกิจโลกมีปัญหา สิ่งหนึ่งที่ดูจะใช้ได้ตลอด ก็คือการลงทุนกับปัจจัยสี่ ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติบนโลกใบนี้อย่างไรเนี่ย คนก็ยังต้องกิน ต้องดื่ม ต้องใช้ การลงทุนในเรื่องของอาหาร ธุรกิจอาหาร อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม มันยังไปต่อได้อย่างต่อเนื่องครับ”

การลงทุนเรื่องอาหารในประเทศไทย ยังมีโอกาสไปได้ต่อ เพราะมีปัจจัยและตัวชี้วัดหลายอย่างที่บ่งบอกว่า ธุรกิจอาหารกับคนไทยนั้นอยู่คู่กัน ข้อมูลจาก Euromonitor.com สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจของยุโรป ระบุว่า ประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP เท่ากับ 16.8 ล้านล้านบาท มีจำนวนครัวเรือนรวมทั้งสิ้น 24.7 ล้านครัวเรือน ประชากรทั้งประเทศราว 69.6 ล้านคน ที่น่าสนใจคือ ค่าใช้จ่ายของผู้บริโภครวมเท่ากับ 9.8 ล้านล้านบาท เป็นการจ่ายเพื่ออาหาร 1.8-2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20%

การใช้จ่ายด้านอาหารของคนไทยมีมากถึง 20% เป็นข้อมูลบวกที่ทำให้ผู้ที่สนใจลงทุนกับธุรกิจอาหาร มีโอกาสเติบโตและเดินหน้าต่อได้ นอกจากนั้น บัญชา ชุมชัยเวทย์ ยังชี้ให้เห็นว่า ลักษณะพิเศษของคนไทย เรื่องการกินหลายมื้อ ยังเป็นปัจจัยที่ดีที่ทำให้การขายอาหารเติบโต

“ถ้าเรามาดู ใกล้ตัวกันนิดนึง เหลือเชื่อนะครับ คนไทยซื้อหาอาหารมาเป็นอันดับหนึ่ง พฤติกรรมของคนไทยทุกวันนี้มีการกินอาหาร มากกว่า 3 มื้อ ที่เรารู้จักกัน ทุกวันนี้ คนไทยรวมถึงคนอาเซียนด้วย ทานเฉลี่ยวันละ 7 มื้อ/วัน คือเช้า-เที่ยง-บ่าย-บ่ายแก่ๆ-เย็น-ดึก-ค่ำ ลักษณะนิสัยเช่นนี้ มันมีโอกาส มันมีความถี่ของตลาดในการบริโภคอาหารมากมาย”

 

นอกจากนั้น ยังพบว่าโลกยุคใหม่ มี 4 Mega Trends ใหญ่ที่เขย่าธุรกิจอาหาร คือ
1. Urbanization หรือ ความเป็นสังคมเมืองคนทำอาหารกินเองน้อยลง
2. Healthy Lifestyle เลือกอาหารมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
3. On the go ใช้ชีวิตอยู่นอกบ้าน เน้นซื้อร้านสะดวกซื้อ
4.  24/7 หรือ 24 ชั่วโมง 7 วัน เป็นผลมาจากในยุคดิจิทัล อาหารหาซื้อได้ตลอด

ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้คนอยากลงทุน เริ่มคิดแล้วว่า ถ้าต้องลงทุนทำธุรกิจควรเลือกลงทุนในกลุ่มไหน และสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด คือการลงทุนใน “แฟรนไชส์อาหาร” เป็นทางเลือกที่ดีในไทย
ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร คนก็ยังต้องซื้ออาหารบริโภค อีกทั้งตลาดแฟรนไชส์ ยังมีขนาดใหญ่มากถึง 2.8 แสนล้านบาทในปี 2562 สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยนิยมลงทุนในธุรกิจนี้

ข้อดีของการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ด้านอาหารมีให้เห็นชัดเจนคือ

1 ประหยัดเรื่องต้นทุน เพราะเจ้าของแบรนด์คิดค้นลงทุนไว้หมดแล้ว
2 มีภูมิคุ้มกันในการขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
3 มีระบบที่เป็นสูตรแห่งความสำเร็จ ที่ผู้ลงทุนไม่ต้องจัดการเอง

สำหรับแนวทางการเลือกลงทุนกับแฟรนไชส์ บัญชา ชุมชัยเวทย์ แนะแนวทางไว้อย่างน่าสนใจ โดยนักลงทุนควรพิจารณาจากปัจจัย 5 ข้อหลักคือ

ประการแรก General Concept หรือความเป็นแบรนด์
“เราต้องดูว่าแผนธุรกิจของแบรนด์แฟรนไชส์ตัวนั้น ชัดเจนแค่ไหน วิธีบริหารจัดการของแบรนด์แฟรนไชส์ เป็นการบ่งบอกถึงประสบการณ์ของผู้บริหาร และธุรกิจ แฟรนไชส์เหมือนเป็นคู่มือ ให้กับผู้ลงทุน เพราะมีการอบรมคอยดูแลอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้มันเหมือนกับการยืนยันว่า เขาตั้งขึ้นมา เพื่อมองไประยะยาว และเดินคู่ไปด้วยกันกับนักลงทุน”

 

ประการที่สอง ปัจจัยแห่งความสำเร็จ Success Factor
“วิธีดู วิธีเลือก เราต้องมองเห็น แบรนด์แฟรนไชส์นั้น ที่เขาทำมาเป็นระยะยาว หมายถึงประสบการณ์ที่ยาวนาน และความสำเร็จ มีการช่วยเหลือระยะยาว และที่สำคัญคือเขาอยู่มานานแบบมั่นคง ทั้งหมดจะมีน้ำหนักมากที่สุด”

ประการที่สาม อำนาจต่อรองของผู้ซื้อสิทธิ์

“เรื่องอำนาจการต่อรองของผู้ซื้อสิทธิ์ธุรกิจแฟรนไชส์ มันดูจะฟังเป็นทางกฎหมายพอสมควร
แต่กฎที่ชัดเจนเนี่ยแหละครับ ที่จะทำให้ทุกฝ่ายทำธุรกิจร่วมกันอย่างสบายใจ เรื่องบางเรื่องคนเป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ เขาจะดูแลเอง สิ่งที่เราจะดูแลตัวเองด้วย เช่น สถานที่ตั้ง ทำเล ราคาในการพูดคุยเจรจาต่อรอง ในฐานะผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ เราต้องทำการบ้านมาอย่างดี
เมื่อต่อรองกันลงตัวก็จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”

ประการที่สี่ ตราสินค้า Trademark
“ข้อนี้สำคัญครับ เพราะฉะนั้นตราสินค้าคือ trademark ก็คือแบรนด์แฟรนไชส์ที่ดี เขาจะต้องมีการพิจารณา การให้สิทธิ์ใช้ตราสินค้า โลโก้ และระบบปฏิบัติการช่วยเหลือทางธุรกิจแก่ผู้ซื้อสิทธิ์ธุรกิจด้วย หัวใจมันอยู่ที่ตรงนี้ครับ คำว่าระบบ ระบบปฏิบัติการ ระบบบริหารจัดการธุรกิจ
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นหัวใจ แฟรนไชส์คือมาตรฐาน เราซื้อที่นี่ ไปเปิดที่ต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นภาคไหนก็แล้วแต่ อาหารยังคงรสชาติเหมือนเดิม การบริการยังคงได้มาตรฐานเหมือนเดิม”

ประการที่ห้า เลือกธุรกิจที่อยู่ในกระแสและมีความนิยม
“สินค้าอาหารที่ดี ต้องให้ผู้บริโภคจดจำ มีการโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคเห็นอยู่ในตลาดตลอดเวลา การขายอาหารที่คนนิยมบริโภค เป็นเมนูที่คนนิยม โอกาสเจริญก้าวหน้ามีมากอย่างแน่นอน”

ทั้งหมดนี้ คือข้อแนะนำจาก บรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจ บัญชา ชุมชัยเวทย์ ผู้ที่เห็นชีพจรเศรษฐกิจและการตลาดในประเทศไทย มาตลอด 20 ปี เขาเชื่อว่า ธุรกิจอาหารของคนไทยได้รับทั้งชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ มีตลาดที่เติบโต มีศักยภาพที่ดี และการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่เหมาะสม แม้เศรษฐกิจจะเจอวิกฤติ แต่ก็เชื่อมั่นว่า ธุรกิจอาหารยังคงเดินหน้าต่อไปได้อย่างแน่นอน